จอร์แดน
อียิปต์
วันเดินทางไป - กลับ | ผู้ใหญ่ท่านละ | พักเดี่ยวเพิ่มเงิน | ราคาเด็กท่านละ | |
---|---|---|---|---|
29 พ.ย. 67 - 06 ธ.ค. 67 | 89,979 บาท | 13,500 บาท | สอบถามเพิ่มเติม | จอง |
06 ธ.ค. 67 - 13 ธ.ค. 67 | 89,979 บาท | 13,500 บาท | สอบถามเพิ่มเติม | จอง |
13 ธ.ค. 67 - 20 ธ.ค. 67 | 89,979 บาท | 13,500 บาท | สอบถามเพิ่มเติม | จอง |
20 ธ.ค. 67 - 27 ธ.ค. 67 | 99,879 บาท | 13,500 บาท | สอบถามเพิ่มเติม | จอง |
27 ธ.ค. 67 - 03 ม.ค. 68 | 99,879 บาท | 13,500 บาท | สอบถามเพิ่มเติม | จอง |
21.00 น. พร้อมกัน ณ เคาน์เตอร์เช็คอินสายการบิน Royal Jordanian อาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศสนามบินสุวรรณภูมิโดยมีเจ้าหน้าที่ของบริษัทฯ คอยต้อนรับและอำนวยความสะดวกด้านสัมภาระและเอกสารการเดินทางทำผ่านขั้นตอนการตรวจคนออกนอกประเทศ
00.25 น. ออกเดินทางสู่กรุงอัมมาน ประเทศจอร์แดน เที่ยวบินที่ RJ183
05.10 น. ถึงท่าอากาศยาน QUEEN ALIA ประเทศจอร์แดน นำท่านผ่านขั้นตอนการตรวจหนังสือเดินทางและรับสัมภาระเรียบร้อย
นำทุกท่านสู่เมืองมาดาบาหรือเมืองแห่งโมเสกเป็นเมืองในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เยรูซาเล็ม (The Holy Land) ว่ากันว่าที่นี่มีงานศิลปะโมเสกที่สวยงามมาก ชมดินแดนศักดิ์สิทธิ์เมาท์เนโบที่ตั้งอยู่บนยอดเขาซึ่งเป็นสถานที่ที่โมเสสเสียชีวิต ปัจจุบันยังมีหลุมพระศพสถิตอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ชมโบสถ์อนุสรณ์โมเสส (The Moses Memorial Church) ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ระลึกถึงโมเสส สถานที่แห่งนี้สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 300-400 ในยุคไบแซนไทน์ ตอนต้นคริสต์ศักราช ให้ทุกท่านได้ชมวิวทิวทัศน์และเก็บภาพประทับใจที่จะมองเห็นทัศนียภาพทั้งแม่น้ำจอร์แดน ทะเลเดดซี นครเจริโค เมืองเบธเลแฮม และเมืองเยรูซาเล็ม และชมโบสถ์กรีกออร์โธดอกซ์แห่งเซนต์จอร์จ บนพื้นโบสถ์มีแผนที่ทำด้วยกระเบื้องโมเสกสีสวยงามจำนวนกว่า 2 ล้านชิ้น ซึ่งมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของโลก สร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 6 หรือราว ๆ ปี ค.ศ. 600 ในยุคไบแซนไทน์ แผนที่นี้แสดงให้เห็นพื้นที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ ในอดีต
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
นำทุกท่านเดินทางสู่ ทะเลเดดซี (Dead Sea) ทะเลสาบเดดซีเป็นทะเลสาบน้ำเค็มขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ใน ในระหว่างเขตแดนของจอร์แดนและอิสราเอลทะเลที่ถูกบันทึกลงในหนังสือกินเนสส์ว่า เป็นจุดที่ต่ำที่สุดในโลก ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลถึง 400 เมตร และมีความเค็มที่สุดในโลกมากกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ของน้ำทะเลทั่วไป ทำให้ไม่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ได้ในท้องทะเลแห่งนี้ และด้วยความหนาแน่นของน้ำในทะเลสาบเดดซีนี้เองที่เป็นเหตุผลว่าทำไมเราถึงสามารถลอยตัวอยู่ในทะเลสาบดังกล่าวได้ ทะเลสาบแห่งนี้ยังขึ้นชื่อในเรื่องการรักษาโรคและการบำรุงรักษาผิวพรรณน้ำ ในทะเลเดดซีเป็นแหล่งรวมของแร่ธาตุต่าง ๆ เพราะการที่ไม่มีพื้นที่เชื่อต่อกับแม่น้ำสายอื่นให้ไหลออกได้ทำให้แร่ธาตุต่าง ๆมารวมกันอยู่ในทะเลสาบแห่งนี้เป็นจำนวนมากและทำให้หลายคนเชื่อกันว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดจากทะเลสาบเดดซี อุดมไปด้วยแร่ธาตุที่สมบูรณ์และสามารถช่วยเรื่องสุขภาพได้ โดยเฉพาะเรื่องผิวพรรณ ทั้งโคลนจากเดดซี เกลือจากเดดซีที่มีความเค็มมากกว่าเกลือที่อื่นหลายเท่าตัวหนักก็มักจะนำมาใช้ในทางการประทินผิวและรักษาผิวพรรณ ทั้งนี้สามารถช่วยรักษาได้ทั้งรังแค โรคผิวหนังรวมทั้งพิษทั้งแมลงกัดต่อย ช่วยให้ผิวนุ่มขึ้น ดูแล้วคล้ายกับว่าสถานที่แห่งนี้ กลายเป็นแหล่งรวมแร่ธาตุอิสระให้ทุกท่านได้เดินเล่นริมหาดทะเลเดดซี ลงเล่นน้ำทะเลพิสูจน์ว่าสามารถลอยตัวในน้ำทะเลได้จริงหรือไม่ พอกโคลนทะเลเดดซีเพื่อบำรุงผิวและผ่อนคลายกล้ามเนื้อ หรือดื่มด่ำกับการทำสปาทรีทเมนต์ด้วยผลิดภัณฑ์จากทะเลเดดซี อิสระให้ทุกท่านได้พักผ่อนหย่อนใจตามอัธยาศัย (การลงเล่นน้ำในทะเลนั้นมีวิธีขั้นตอนการลงเล่น และข้อควรระวังต่าง ๆ ควรฟังคำแนะนำจากมัคคุเทศก์ท้องถิ่น และหัวหน้าทัวร์) **กรุณาเตรียมเสื้อยืดกางเกงขาสั้นเพื่อลงเล่นน้ำ **
เย็น บริการอาหารค่ำ ณ โรงแรมที่พัก
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Grand East Dead Sea Hotel 4* หรือเทียบเท่า
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ เมืองเพตรา มหานครศิลาทรายสีชมพูที่แกะสลักขึ้นจากภูเขาทั้งลูก สถานที่แห่งนี้ตั้งอยู่ระหว่างทะเลเดดซี กับอ่าวอะกาบะ ซึ่งซ่อนตัวอยู่ภายใต้อ้อมกอดของหุบเขาวาดี มูซา ที่สูงชันประดุจเป็นปราการอันยิ่งใหญ่ ถูกลืมเลือนไปจากความทรงจำของผู้คนและสูญหายไปจากแผนที่นานนับพันปี จนกระทั้งในปี ค.ศ. 1812 เมื่อมีนักสำรวจชาวสวิตเซอร์แลนด์ โยฮันน์ ลุควิก บวร์กฮาร์ท เดินทางผ่านมาพบเห็นและออกมาเขียนหนังสือ เล่าขานถึงความสวยงามและความมหัศจรรย์ของนครแห่งนี้ เพตราแห่งนี้จึงเริ่มปรากฏแก่สายตาชาวโลกอีกครั้งและในปี ค.ศ.1985 องค์การยูเนสโกได้ประกาศให้เพตราเป็นเมืองมรดกโลก โดยกล่าวอธิบายไว้ว่า "เป็นหนึ่งในสิ่งที่ล้ำค่ามากที่สุดของมรดกทางวัฒนธรรมแห่งมวลมนุษยชาติ" (one of the most precious cultural properties of man's cultural heritage) และยังได้รับคัดเลือกเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกอีกด้วย
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
นำท่านเช้าชมของเมืองเพตรา ชมทัศนียภาพรอบข้างที่เป็นภูเขาทั้งสองฝั่งที่มีรูปร่างหน้าตาต่างกันออกไป จากนั้นเดินเท้าเข้าสู่เมืองบริเวณซอกเขาเรียกว่าซิค SIQ เป็นหุบเขาสูงกว่า 250 ฟุต ที่เกิดจากการแยกตัวของเปลือกโลกและการกัดเซาะของน้าเมื่อหลายล้านปีก่อนจนเกิดเป็นช่องทางเดินเล็ก ๆ ระหว่างหุบเขา ชมสีสันความสวยงามของหินสีต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากธรรมชาติ และยังมีภาพศิลปะแกะสลักจากภูเขา อาทิ รูปปั้นแกะสลักต่าง ๆ เช่น รูปปั้นเทพเจ้าต่าง ๆ รูปกองคาราวานอูฐ, รูปชาวนาบาเทียน, ท่อส่งลำเลียงน้ำเข้าสู่เมือง ฯลฯ เข้าเขตหน้าผาสูงชั้นสองข้างทางสู่มหานครแห่งศิลาทรายสีชมพู ตื่นตาตื่นใจกับความสวยงามของมหาวิหารศักดิ์สิทธิ์ เอล-คาซเนท์ (Al-Khazneh) ที่นี่เคยใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ เรื่องอินเดียน่า โจนส์ ภาค 3 ขุมทรัพย์สุดขอบฟ้า และ หนังฟอร์มยักษ์อย่าง ทรานส์ฟอร์มเมอร์ ภาค 2 สถานที่แห่งนี้ถูกสันนิษฐานว่า สร้างในราวศตวรรษที่ 1-2 โดยผู้ปกครองเมืองในเวลานั้น มหาวิหารถูกแกะสลักจากภูเขาสีชมพูทั้งลูก อย่างกลมกลืนได้สัดส่วนและสวยงามน่าอัศจรรย์ เป็นอาคารสองชั้น ชมโรงละครโรมันโบราณ (Roman Theatre) ที่แกะสลักจากภูเขา โดยมีแนบราบของที่นั่งเท่ากันและมีความสมดุลได้อย่างน่าทึ่ง สันนิษฐานว่าเดิมทีสร้างโดยชาวนาบาเธียน ต่อมาในสมัยที่โรมันเข้ามาปกครองได้สร้างต่อเติม มีที่นั่ง 32 แถว สามารถบรรจุคนได้ประมาณ 3,000 คน อิสระให้ท่านเก็บภาพประทับใจ
เย็น บริการอาหารค่ำ ณ โรงแรมที่พัก
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Petra Castle Hotel Hotel 4*หรือเทียบเท่า
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำทุกท่านเดินทางสู่ เมืองอัมมาน (Amman) เมืองหลวงของประเทศจอร์แดน เป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์อันซับซ้อนสะท้อนให้เห็นในความหลากหลายของประชากรและสถาปัตยกรรมหลากรูปแบบโบสถ์และมัสยิดต่างๆ ทำให้รู้ว่าเมืองแห่งนี้ประกอบไปด้วยประชากรหลากหลายเชื้อชาติและวัฒนธรรม แม้ในท่ามกลางศูนย์การค้าสมัยใหม่ของเมือง ท่านจะได้สัมผัสรากเหง้าของวัฒนธรรมอันเก่าแก่ในตลาดโบราณที่มีสีสัน ซากปรักหักพังตั้งแต่ยุคโรมัน พิพิธภัณฑ์ทางวัฒนธรรมและอนุสาวรีย์ที่บอกเล่าประวัติศาสตร์ของเมือง ชม โรงละครโรมัน อายุกว่า 2,000 ปี ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นศูนย์กลางของนครอัมมาน แต่ปัจจุบันก็ยังทำให้ผู้ที่พบเห็นได้ทึ่งกับการวางแผนทางด้านงานวิศวกรรมของโรมัน อันชาญฉลาดและมีดีไซน์ที่น่าจดจำ โรงละครโรมันแห่งนี้เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามมากที่สุดในอัมมาน โรงละคร มีความลาดเอียงลึกลงไป เอื้อให้เสียงที่ได้ยินรอบตัวนั้นมีคุณภาพเยี่ยม การออกแบบสุดสร้างสรรค์นี้สามารถบรรจุคนได้ประมาณ 6,000 คน สันนิษฐานว่าน่าจะถูกสร้างขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 161-180 สมัยการปกครองของ แอนโทนิอุส ปิซุส (Antoninus Pius) ชม ป้อมปราการแห่งกรุงอัมมาน (Amman Citadel) บนยอดเขาสูงสุดในกรุงอัมมาน ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นจุดสังเกตเหตุบ้านการเมืองต่าง ๆ รอบเมือง แม้จะเหลือเพียงซากปรักหักพังแต่ยังสวยงามและมีอายุย้อนกลับไปตั้งแต่สมัยยุคหิน เผยให้เห็นอิทธิพลด้านสถาปัตยกรรมที่มาจากยุคเหล็ก รวมถึงยุคโรมัน ยุคไบแซนไทน์และยุคอุมัยยะฮ์
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
นำท่านชม วิหารเฮอร์คิวลิส (Temple of Hercules) ที่สร้างขึ้นระหว่างปี ค.ศ.162-166 วิหารแห่งนี้มีขนาดใหญ่กว่าวิหารที่อยู่ในโรมโบราณเสียอีก เดินผ่านทางเข้าที่เป็นแนวเสาระเบียง ไปยังสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ข้างใน จากนั้นเคลื่อนตัวไปที่หินขนาดใหญ่ที่อยู่บริเวณปลายหน้าผา ตรงนี้จะเป็นจุดชมวิวพาโนรามาอันสวยงามของเมือง ใกล้กันนั้นมีมือรูปกำปั้นขนาดใหญ่ที่ทำจากหินอ่อนเผยให้เห็นความขาวโพลนจนแทบไม่มีเลือด ผ่านชม พระราชวังของพระมหากษัตริย์อับดลุลาห์ที่สอง (Raghadan Palace) ที่ตั้งอยู่บนภูเขามีทำเลที่สวยงามที่สุดในกรุงอัมมาน และมีทหารคอยเฝ้าดูแลตรวจตราอย่างเข้มงวด
เย็น บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก Amman Hotel 4*หรือเทียบเท่า
05.00 น. นำท่านเดินทางสู่สนามบินอัมมาน
07.45 น. เหินฟ้าสู่กรุงไคโร โดยสายการบิน Royal Jordanian เที่ยวบินที่ RJ501
08.20 น. ถึงสนามบินนานาชาติกรุงไคโร ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและรับสัมภาระในการเดินทางเรียบร้อยแล้ว นำท่านชม Salah EL Din Citadel & Mohamed Ali Mosque ป้อมปราการแห่งไคโร หรือ ป้อมปราการแห่งศอลาฮุดดีน เป็นป้อมปราการสมัยอิสลามในยุคกลางในกรุงไคโร ประเทศอียิปต์ สร้างโดย Salah ad-Din (Saladin) และเป็นที่ตั้งของรัฐบาลในอียิปต์และเป็นที่พำนักของผู้ปกครองมาเกือบ 700 ปีตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 ถึงศตวรรษที่ 19 สถานที่ตั้งบนแหลมของเนินเขา Mokattam ใกล้ใจกลางกรุงไคโรมีตำแหน่งทางยุทธศาสตร์ที่มองเห็นเมืองและเหนือเส้นขอบฟ้า ในปี 2519 ได้รับการประกาศโดยยูเนสโกให้เป็นส่วนหนึ่งของมรดกโลกไคโรแห่งประวัติศาสตร์ (อิสลาม) ชมมัสยิดใหญ่ของ Muhammad Ali Pasha หรือAlabaster Mosque เป็นมัสยิดที่ตั้งอยู่ใน Citadel of Cairo ในอียิปต์ สร้างโดย Muhammad Ali Pasha ระหว่างปี 1830 ถึง 1848 เป็นมัสยิดออตโตมัน ตั้งอยู่บนยอดของป้อมปราการ ซึ่งเป็นมัสยิดที่มองเห็นได้ชัดเจนที่สุดในไคโร
นำท่านชม Mainyal Palace พิพิธภัณฑ์พระราชวังของเจ้าชายมูฮัมหมัดอาลีเป็นพระราชวังในสมัยราชวงศ์อลาวียาตั้งอยู่บนเกาะ Rhoda บนแม่น้ำไนล์ ปัจจุบันเป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ที่สวยงามและสำคัญที่สุดในอียิปต์ โดดเด่นด้วยการออกแบบทางสถาปัตยกรรมสไตล์อิสลามสมัยใหม่ผสมผสานกับเปอร์เซียและมัมลุก นอกจากนี้ยังออกแบบตกแต่งลวดลายด้วยของซีเรีย โมร็อกโก และอันดาลูเซีย รวมถึงออตโตมัน อาคารจึงมีกลมกลืนระหว่างประเพณีสถาปัตยกรรมอิสลามอย่างงดงามและลงตัว ด้านนอกแยกเป็นอาคารส่วนต้อนรับ หอนาฬิกา ซาบิล มัสยิด พิพิธภัณฑ์ล่าสัตว์ ห้องนั่งเล่น โถงบัลลังก์ พิพิธภัณฑ์ส่วนตัว และ ห้องโถงสีทอง ที่รายล้อมความร่มรื่นของสวนสไตล์เปอร์เซียและสวนสไตล์อังกฤษสะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิตของเจ้าชายและรัชทายาทแห่งอียิปต์ช่วงปลายศตวรรษที่ 19 และต้นศตวรรษที่ 20
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารไทย
นำท่านชมThe Egyptian Museum พิพิธภัณฑ์อียิปต์เป็นพิพิธภัณฑ์โบราณคดีที่เก่าแก่ที่สุดในตะวันออกกลาง และเป็นที่เก็บรวบรวมโบราณวัตถุฟาโรห์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกถึง 120,000 ชิ้น ก่อตั้งขึ้นโดย ออกุสต์ มาริเอตต์ นักโบราณคดีชาวฝรั่งเศส เพื่อเป็นพิพิธภัณฑ์แห่งแรกของอียิปต์ ที่เก็บสะสมสมบัติของฟาโรห์ ศิลปวัตถุ และโบราณวัตถุต่าง ๆ ที่ปรากฏในหน้าประวัติศาสตร์ เปิดโอกาสให้เข้าชม และศึกษาตำนานบทหนึ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก
จากนั้นได้เวลาอันสมควรนำท่านล่องเรือแม่น้ำไนล์ รับประทานอาหารค่ำ ชมการแสดงระบำหน้าท้อง
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก The Oasis hotel Hotel 4*หรือเทียบเท่า
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านเดินทางสู่ เมืองอเล็กซานเดรีย (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง) ซึ่งเป็นเมืองสำคัญในสมัยโรมันปกครองอียิปต์ เดิมทีเป็นหมู่บ้านประมงเล็กๆ ที่ชื่อว่าราคอนดาห์ เมื่อ 1,200 ปีก่อนคริสตกาล จนเมื่อ 332 ปี ก่อนคริสตกาลหรือประมาณ 2,300 กว่าปีก่อนพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชมาพบ จึงให้มีการปรับปรุงขยายเมืองเพื่อเป็นเมืองหลวงและตั้งชื่อให้คล้องจองกับชื่อของพระองค์ เมืองอเล็กซานเดรียนี้ยังเป็นสถานที่สำคัญในตำนานรักอันยิ่งใหญ่ของราชินีเลอโฉมชื่อก้องโลก พระนางคลีโอพัตรา และนายทหารโรมัน มาร์ค แอนโทนี และปัจจุบันเมืองนี้ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศ เป็นเมืองพักผ่อนตากอากาศที่ติดกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียนที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของโลก
นำท่านเข้าชมป้อมปราการซิทาเดล Citadel of Qaitbay เดิมเป็นป้อมปราการป้องกันสมัยศตวรรษที่ 15 สร้างขึ้นในปี 1477 ถึง 1479 โดย Sultan Al-Ashraf Sayf al-Din Qa'it Bay ป้อมปราการตั้งอยู่ทางด้านตะวันออกของปลายด้านเหนือของเกาะฟารอสที่ปากอ่าวตะวันออก ถือเป็นป้อมปราการป้องกันที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่ง
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
นำท่านชมAbu Al-Abbas Al-Mursi มัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในอเล็กซานเดรียและสวยที่สุดในอียิปต์ และเป็นมัสยิดที่สำคัญและงดงามที่สุดในอเล็กซานเดรียด้วยการออกแบบสไตล์อาหรับอย่างสวยงาม ตกแต่งซุ้มสีครีม แนวเสาของซุ้มโค้งยาวทำจากหินแกรนิตและพื้นทำด้วยหินอ่อนที่สวยงาม ด้านบนเป็นโดมขนาดใหญ่สี่หลัง และหอคอยสูงสุเหร่า สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2318 เพื่อรำลึกถึงชีวิตชีคอันดาลูเซียซึ่งถูกฝังอยู่ในสถานที่นี้ เป็นหนึ่งในมัสยิดที่มีผู้เยี่ยมชมมากที่สุด นำท่านชมภายนอก ห้องสมุดอเล็กซานเดรีย (Library of Alexandria) อยู่ทางเหนือสุดของอียิปต์ เป็นเมืองเก่าที่ติดอยู่กับทะเลเมดิเตอร์เรเนียนเคย ปกครองโดยชาวเมืองอียิปต์ดั้งเดิมแล้วก็ตกเป็นของกรีก โรมันจนมาถึงการเข้ามาของศาสนาอิสลามจาก อาณาจักรออโตมัน เมืองนี้เลยมีศิลปะของทางกรีก โรมัน ตุรกี ปนๆ กันอยู่อิสระให้ท่านเก็บภาพประทับใจ ได้เวลาอันสมควรนำท่านเดินทางกลับไคโร
เย็น บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารจีน
นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก The Oasis hotel Hotel 4*หรือเทียบเท่า
เช้า บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
นำท่านชมยิ่งใหญ่ของมหาพีระมิดกีซา หรือ The Great Pyramid of Giza อายุกว่า 5,000 ปี ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ซึ่งเป็นที่บรรจุพระบรมศพของพระศพของกษัตริย์อียิปต์โบราณ หรือ ฟาโรห์ พีระมิดของฟาโรห์ในยุคราชวงศ์ที่ 4 ซึ่งประกอบไปด้วยพีระมิดของฟาโรห์คูฟู (Khufu) คาเฟร (Khafre) และเมนคาอูเร (Menkaure) ซึ่งพีระมิดที่ใหญ่ที่สุดก็คือของฟาโรห์คูฟู ซึ่งพระองค์เป็นผู้สร้างขึ้นเองเมื่อก่อนคริสตกาลประมาณ 25,800 ปี นับอายุจนถึงปัจจุบันก็กว่า 4,500 ปี ถือเป็นปิรามิดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก นับเป็นสิ่งก่อสร้างที่ยิ่งใหญ่และเก่าแก่ที่สุดใช้เวลาก่อสร้างทั้งสิ้น 20 ปีก่อสร้างด้วยหินปูนมากว่า 2.5 ล้านก้อน โดยแต่ละก้อนมีน้ำหนัก 2 ถึง 70 ตัน และกำลังแรงงานกว่าแสนคนตัดจากแท่งหินขนาดใหญ่มาก หินแต่ละก้อนวางชิดติดกันแบบแนบสนิทมาก แม้แต่กระดาษก็สอดไม่ผ่าน นำท่านชม สฟิงซ์ ซึ่งแกะสลักจากเนินหินธรรมชาติมีส่วนหัวเป็นพระพักตร์ของฟาโรห์และลำตัวเป็นสิงโต สฟิงซ์ (Sphinx) ซึ่งแกะสลักด้วยหินก้อนใหญ่เป็นรูปสิงโตหมอบ แต่ศีรษะเป็นมนุษย์ส่วนใบหน้านี้เป็น ใบหน้าของพระเจ้าคีเฟรน ซึ่งได้รับการนับถือพระเจ้าแห่งพระอาทิตย์ สฟิงซ์นี้สูงถึง 18 เมตร ยาว 73 เมตร อิสระให้ท่านเก็บภาพประทับใจ **(กรณีท่านใดสนใจขี่อูฐกรุณาติดต่อที่หัวหน้าทัวร์)**
นำท่านเดินทางสู่เมืองซัคคาร่า ชมพีระมิดขั้นบันไดเป็นสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ซึ่งเป็นที่ตั้งของสุสานโบราณของเชื้อพระวงศ์สมัยอียิปต์โบราณเป็นเดิมเมืองหลวงของราชอาณาจักรอียิปต์โบราณ ในบริเวณนี้เป็นที่ตั้งของพีระมิดจำนวนหลายหลัง รวมถึงพีระมิดขั้นบันไดของฟาโรห์ดโจเซอร์ (Step Tomb) สร้างด้วยหินที่สมบูรณ์ที่สุดและเก่าแก่ที่สุดในประวัติศาสตร์ พีระมิดแห่งโจเซอร์ ซึ่งสร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์ที่สามแห่งอียิปต์ ซึ่งต่อมาพีรามิดนี้ได้เป็นต้นแบบพีรามิดในยุคต่อมา และบริเวณนี้ยังเป็นสุสานฟาโรห์แห่งอียิปต์โบราณจำนวนอีกสิบหกพระองค์ รวมถึงเจ้าพนักงานระดับสูงในสมัยโบราณได้สร้างอนุสาวรีย์พิธีศพส่วนตัวในสุสานแห่งนี้ตลอดช่วงสมัยการปกครองของฟาโรห์ และยังใช้เป็นที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนามานานกว่า 3,000 ปี ทั้งในสมัยปโตเลมีและโรมัน พีรามิดแห่งนี้เป็นต้นแบบของพีรามิดในยุคต่อมา อิสระให้ท่านเก็บภาพประทับใจ
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
นำท่านชมศูนย์กลางการทำ กระดาษปาปีรุส ซึ่งเป็นกระดาษชนิดแรกของโลกทำจาก ต้นกก (Papyrus) ใช้บันทึกข้อความสรรเสริญเทพเจ้าและเหตุการณ์สำคัญต่างๆ ในสมัยอียิปต์โบราณ
นำท่านสู่ “ตลาดข่านเอลคาลีลี” ตลาดสำคัญทางการค้าขายของพื้นเมืองและแหล่งสินค้าที่ระลึกที่ใหญ่ที่สุดในกรุงไคโร ท่านสามารถเลือกซื้อของพื้นเมืองสวยๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นขวดน้ำหอมที่ทำด้วยมือ สินค้าต่างๆ เครื่องทองรู ปพรรณและเพชรพลอยลวดลายแบบอาหรับ พรม และของที่ระลึกแบบพื้นเมือง ได้เวลาอันสมควรแก่เวลานำคณะเดินทางสู่สนามบิน กรุงไคโร (อิสระอาหารค่ำ)
19.55 น. เดินทางสู่ท่าอากาศยาน QUEEN ALIA ประเทศจอร์แดน เที่ยวบินที่ RJ506
22.15 น. ถึงท่าอากาศยาน QUEEN ALIA ประเทศจอร์แดน
02.15 น. เดินทางสู่ กรุงเทพ โดยสายการบิน Royal Jordanian เที่ยวบินที่ RJ182
14.25 น. เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดีภาพและความประทับใจ
รายการอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ ทั้งนี้โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของลูกค้าเป็นหลัก
***หมายเหตุสำคัญมาก : กรุณาจองล่วงหน้าอย่างน้อย 3 เดือนก่อนเดินทาง***
เนื่องด้วยวีซ่าอียิปต์ใช้เวลานานต้องยื่นวีซ่าล่วงหน้า 2 เดือนก่อนเดินทาง
หมายเหตุ
59/298 ซอย พุทธมณฑลสาย 2 ซอย 24 แขวง ศาลาธรรมสพน์ เขต ทวีวัฒนา กรุงเทพฯ 10170